วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่2 เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง

ความเป็นมาของสิ่งประดิษฐ์
              เราสามารถแบ่งการประดิษฐ์ออกเป็น 3 ช่วงตามเวลา และอุปกรณ์การประดิษฐ์
              ยุคต้น (ก่อนคริสศักราชถึงต้นปี500) มนุษย์เรียนรู้การใช้ไฟและในการหลอมโลหะ ตีอุปกรณ์ ทำแก้ว ยุคนี้เป็นยุคเฟื่องฟูของศาสนาและการทำมาค้าขาย ในยุคที่มีการแบ่งชนชั้นมากเช่นนี้ ผู้คนจำเป็นต้องมี การนำของไปถวายหรือบูชา ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมทางศาสนาหรือว่าการบูชาทำนาย ทำให้มีการทำเหมืองแบบเก่าเป็นจำนวนมาก เพื่อขุดทอง เงินและทองแดง ในการทำเครื่องประดับต่างๆ นอกจากนี้เรื่องของเครื่องแต่งการยังเป็นยุคที่เฟื่องฟูอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้คนรู้จักการย้อมผ้าและ แล้วทักยอแบบหยาบๆ แล้ว โดยอาศัยตัวไหมและยางจากต้นไม้ ในทางเขตยุโรปผู้คนนิยมทำเครื่องเกราะ ดาบ เครื่องเงิน มงกุฎและอุตสาหกรรมต่อเรือยังเป็นอะไรที่เฟื่องฟูอีกด้วย ผู้คนนิยมเดินทาง โดยเฉพาะฝรั่งเศสและ อังกฤษที่ชอบล่าเมืองขึ้น และบ้านยังเป็นแบบไม้ชั้นเดียวที่ต้องแน่นหนา การประดิษฐ์เป็นแบบพื้นๆแล้วศิลปะมากกว่าทางเอเชียหรือแอฟริกา ทางเอเชีย การประดิษฐ์ไม่ค่อยเป็นที่ใส่ใจเท่าไหร่ บ้านยังเป็นแบบเก่าที่ทำจากไม้ ผู้คนจะนิยมค้าขายอาหารกิจกรรมทางศาสนามากกว่า เช่นเดียวกับแอฟริกาที่การประดิษฐ์ไม่ค่อยเจริญเทียบเท่าแถบยุโรป
            ยุครุ่งเรือง(ช่วงกลาง 500-1350)นักประดิษฐ์ทางยุโรปเริ่มรู้จักการใช้ไฟฟ้า อาชิพนักวิทยาศาสตร์ เจริญมาก ทำให้การประดิษฐ์ก้าวหน้าไปด้วย มีการค้นพบคุณสมบัติของไฟฟ้าเป็นครั้งแรก ทำให้มีการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆมากมาย เช่นการค้นพบคลื่นวิทยุ มอเตอร์ สนามพลัง ทำให้มีการสร้างรถยนต์ หลอดไฟ วิทยุ โทรทัศน์ และสิ่งของลิเล็กทรอนิกส์อีกมากมาย เมื่อเทียบกับทางแถบแอฟริกาและเอเชีย ซึ่งทางเอเชียได้รับอิทธิพลจากทางแถบยุโรป ทำให้เจริญตามด้วย แต่ไม่มีเรื่องของการประดิษฐ์ แต่จะเป็นผู้บริโภค ทางแถบอเมริกา เริ่มมีคนย้ายเข้าไปอยู่ในเขตของชนชาวพื้นเมือง และคนนั้นมาจากทางแถบยุโรป ซึ่งนำประดิษฐ์ต่างๆมากด้วย ส่วนออสเตรีย และ แอฟริกา เป็นประเทศที่การประดิษฐ์ไม่ค่อยมีคนสนใจ
             ยุคปัจจุบัน (1350-ปัจจุบัน) มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้ชิฟ มีการสร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ จรวด เรือดำน้ำ อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ มีการใช้คลื่นสัญญาณโทรศัพท์ และกระจายไปทั่วโลก แต่ก็ยังไม่ทั่วถึงและเท่ากันทั่วประเทศ โดยเฉพาะ มหาอำนาจอย่างอเมริกา ที่มีนักประดิษฐ์มากกว่าและมีความพร้อม ได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาลทำให้เกิดความก้าวหน้าเร็วขึ้น แล้วเปลี่ยนการทำงานเป็นการทำงานแบบองค์กร หรือทีมนั่นเอง
            สิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นผู้สร้างผู้พัฒนาปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแบบผลงานด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในแต่ละบุคคลมีวัตถุประสงค์ในการสร้างสิ่งประดิษฐ์เพื่อตอบสนอง ความต้องการด้านประโยชน์ใช้สอยสิ่งประดิษฐ์มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณเกี่ยวข้องกับขนบธรรมเนียมและประเพณีทางศาสนาซึ่งมนุษย์เรานั้นก็คงมีการประดิษฐ์มาอย่างช้านานแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่าการประดิษฐ์นั้นก็อาจมาจาก สมัยดึกดำบรรพ์แล้วก็เป็นได้เพราะว่ามนุษย์ยุคหินในสมัยนั้นก็มีการประดิษฐ์อาวุธจากก้อนหินบ้างก็ว่านำมาเหลาให้แหลม บ้างก็ว่านำมาทำให้ร้อนแล้วจี้สัตย์ ต่างๆนา จึงบอกได้ว่าคนเราก็มีการประดิษฐ์มาตั้งแต่โบราณกาลแล้วเป็นต้นมาสิ่งประดิษฐ์จึงมาวิวัฒนาการมาอย่างเรื่องๆสืบทอดต่อมาเรื่อยๆ ดังที่เราศึกษาเราก็พบเจอว่ามนุษย์ยุคต่อมาคือมนุษย์ยุคสำริดก็มีการประดิษฐ์เหล็กมาทำเป็นอาวุธ โดยอาวุธนั้นคือสิ่งที่มีความแหลมคมมาก และเหมาะสมกับการล่าสัตว์ในยุคสมัยนั้นจนปัจจุบันอาวุธชิ้นนั้นมันก็คือ มีด หรือ ดาบ ที่เกิดในสมัยของยุคสำริดนั้นเองนอกจากการวิวัฒนาการข้างต้นแล้วนั้นยังมีการ วิวัฒนาการเป็นสิ่งต่าง รอบๆตัวเราไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ และอื่นๆอีกมากมายก็ต่างล้วนเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ต่างก็เกิดขึ้นเพราะมนุษย์เป็นผู้ผลิต คิดค้นและวิจัยเองทั้งนั้น

และต่อมาเมื่อ นักวิชาการค้นพบว่าการประดิษฐ์นั้นเป็นพื้นฐานของการสร้างสิ่งของต่างๆนานา จึงได้มีการประชุม ร่วมทำการวิจัยและขอยื่นคำเสนอว่า ของบรรจุการประดิษฐ์เป็นวิชาพื้นฐานของการศึกษา ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้พวกเราก็มีวิชา งานประดิษฐ์เรียนกันอย่างสนุกสนาน เพราะเป็นวิชาที่สนุกสนาน คลายความเครียด ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน เกิดความคิดสร้างสรรค์มากมาย และทำให้ในปัจจุบันเกิดสิ่งประดิษฐ์มาใช้กันอย่างมากล้น นอกจากนั้นแล้วการประดิษฐ์ยังมีประโยชน์อีกหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มรายได้ การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และอื่นอีกมากมายด้านการเพิ่มรายได้ ของการทำสิ่งประดิษฐ์นั้นก็ ต่างมีความแตกต่างกันไป เช่น การทำเสื้อผ้า การทำกระเป๋า การทำโคมไฟ และอื่นๆเป็นต้น และที่สำคัญแล้วคือสินค้าประเภท Hand make เพราะตอนนี้เป็นที่นิยมของการตลาด เพราะว่าเป็นสินค้าที่มีความละเอียดอ่อน มีความละมุนละไม มีความสวยงาม และที่สำคัญคือความแปลกใหม่และไม่ซ้ำใคร ตัวอย่างของสินค้า Hand make เช่น ผ้าทอ กระทง กระเป๋าถักทอ เป็นต้น การประดิษฐ์ที่บางอย่างไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แค่การ ถัก ทอ เพราะยังมีการประดิษฐ์อีก 1 ชนิดที่ไม่ต้อง ถัก ทอ คือ การประดิษฐ์โปรแกรม ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ ที่ตอนนี้มีความนิยมกันอย่างแพร่หลายทำให้ ธุรกิจของการผลิต Software มีความเจริญเติบโตมากและเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีการสร้างรายได้อย่างไม่จำกัด ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือประวัติและการวิวัฒนาการของสิ่งประดิษฐ์ที่ต่างก็มีความสำคัญต่างๆแตกต่างกันไป ก็อย่างที่เคยกล่าวข้างต้นว่า “จึงทำให้ในปัจจุบันเกิดสิ่งประดิษฐ์มาใช้กันอย่างมากล้น” จึงอยากให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคที่ใช้ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆตระหนักถึงสภาวะของสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ที่มีการทิ้งขยะมูลฝอยมากมาย หรือเป็นการผลิตสิ่งของโดยใช้วัตถุดิบที่อาจเกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ตอนนี้โลกของเราก็ได้เกิด สภาวะโลกร้อนจึงอยากใคร่ครวญ ผู้ผลิตรายยักษ์ใหญ่ ให่มีความตระหนักถึงสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดผลเสีย และใคร่ครวญต่อผู้บริโภค รวมถึงผู้ผลิต ให้มีความตระหนักอีกครั้งในด้านของการนำกลับมาใช้ใหม่ คือ การรีไซย์เคิล ซึ่งเป็นผลดี ในทุกๆด้าน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างบนโลกนี้จะเกิดแต่ผลดี หากทุกๆคน มีคุณธรรมในด้านของความพอเพียง


ความหมายของสิ่งประดิษฐ์
               สิ่งประดิษฐ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับลักษณะองค์ประกอบโครงสร้างหรือกลไกของผลิตภัณฑ์รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิตการรักษา หรือปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น หรือทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิม เช่น กลไกของกล้องถ่ายรูป,กลไกของเครื่องยนต์,ยารักษาโรค เป็นต้น หรือการคิดค้นกรรมวิธีในการผลิตสิ่งของเช่น วิธีการในการผลิตสินค้า, วิธีการในการเก็บรักษาพืชผักผลไม้ไม่ให้เน่าเสียเร็วเกินไป เป็นต้น

               สิ่งประดิษฐ์ หรือ นวัตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะด้วยความฉลาดหรือบังเอิญ แล้วผู้ที่ประดิษฐ์สิ่งของ เรามักจะเรียกว่านักประดิษฐ์ (inventor) สิ่งประดิษฐ์คือสิ่งของต่างๆที่เกิดจากความต้องการของมนุษย์เพื่อใช้ในการแสวงหาประโยชน์ หรือ อำนวยความสะดวกสบายต่างๆ

ความสำคัญของสิ่งประดิษฐ์
              สิ่งประดิษฐ์คืองานที่ไม่ได้ใช้เครื่องจักรในการสร้างชิ้นงาน แต่ใช้สมองกับ 2 มือและเป็นผลงานที่ต้องใช้ความอดทน ความรักในงาน ความคิดที่สร้างสรรค์ จินตนาการ ความละเอียดและที่สำคัญ คือความมีคุณค่าทางจิตใจของผู้สร้างงานประโยชน์คือเป็นงานที่จะมีคุณค่าสำหรับการอนุรักษ์ไว้ในภายหน้า และสามารถคิดต่อยอดจากการประดิษฐ์นั้นๆไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด งานประดิษฐ์บางชิ้นสามรถสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและประเทศชาติได้ และประโยชน์อันมาจากการนำวัสดุเหลือใช้หรือที่ใครคิดไม่ถึงสามารถมาทำประโยชน์ได้อย่างมีคุณค่า สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว

ลักษณะของสิ่งประดิษฐ์ลักษณะของสิ่งประดิษฐ์สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. สิ่งประดิษฐ์ทั่วไป
              เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่มีความเป็นมาจากบรรพบุรุษหรือท้องถิ่น กล่าวคือ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่บุคคลทั่วไปสามารถเรียนรู้และนำไปประดิษฐ์ได้โดยอาศัยการศึกษาจากตำรา เช่น ดอกไม้จากวัสดุเหลือใช้ หมวก ตุ๊กตา เครื่องเล่นต่าง ๆ และกรอบรูป เป็นต้น

2. สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย
             เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษหรือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีเฉพาะในท้องถิ่นนั้น ๆ โดยส่วนมากจะเป็นการสืบทอดจากผู้ใหญ่ในครอบครัวมาสู่ลูกหลาน สิ่งประดิษฐ์หลายอย่างทำขึ้นเพื่องานประเพณีทางศาสนา เช่น พานพุ่ม มาลัย เครื่องแขวน บายศรี และบางอย่างก็ทำขึ้นเพื่อความสวยงาม สนุกสนาน ภายในครอบครัว เช่น ว่าวไทย รถลาก ตุ๊กตา เป็นต้น

องค์ประกอบของสิ่งประดิษฐ์
          องค์ประกอบที่สำคัญของการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ มีดังนี้
                    1. เส้น เป็นสิ่งที่เกิดจากการเชื่อมต่อจุดให้เคลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการจึงก่อให้เกิดรูปร่าง รูปทรง สัดส่วน พื้นที่ บริเวณและความรู้สึกที่แตกต่างกันดังนี้ในการออกแบบควรนึงถึงลักษณะเส้น

                    2. รูปร่าง เป็นส่วนที่แสดงถึงเส้นรอบนอกของรูปแบบชิ้นงานซึ่งเป็นลักษณะ2มิติ ซึ่งสื่อความหมายถึงความกว้างและความยาวไม่มีความหนาเกิดจากเส้นรอบนอกที่แสดงพื้นที่ขอบเขตของรูปต่างๆ เช่น รูปสี่เหลี่ยมรูปวงกลมหรือรูปอิสระที่แสดงเนื้อที่ของผิวมากกว่าแสดงปริมาตรหรือมวล

                    3. รูปทรง คือ ลักษณะของวัตถุที่มองเห็นเป็นรูป 3มิตินอกจากแสดงความกว้างความยาวแล้วยังมีความหนาลึกและความหนานูน เช่น ทรงกลม ทรงสามเหลี่ยมทรงกระบอก เป็นต้น

                   4. ขนาดและสัดส่วนของชิ้นงานเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเพราะขนาดของชิ้นงานที่ส่งผลถึงประโยชน์และการนำไปใช้งาน เช่น การออกแบบดอกไม้ประดิษฐ์เพื่อนำไปประดับมุมห้องถ้ามีขนาดเล็กเกินไปก็จะไม่เหมาะสม

                  5. สี หมายถึง ลักษณะที่ปรากฏแก่สายตาให้เห็นสีต่างกันสีเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกเมื่อมองเห็น เช่น ตื่นเต้น หนาวเย็น หรืออออบอุ่น นุ่นนวล หรือแข็งกระด้างดังนั้นจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่อของอิทธิพลของสีแต่ละสีและนำไปใช้ให้เหมาะสม

                 6. ลักษณะผิวของวัตถุ คือ คุณลักษณะภายนอกของวัตถุที่มีลักษณะแตกต่างกันตามลักษณะและชนิดของวัตถุ เช่น เรียบ มัน ขรุขระ หยาบ เป็นต้น และลักษณะพื้นผิวที่ปรากฏแก่สายตาจะมีผลต่อประสาทและความรู้สึกของผู้มอง

ประโยชน์ของสิ่งประดิษฐ์
                1. ฝึกให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างผลงานให้มีรูปร่างแปลกใหม่และพัฒนางาน
ประดิษฐ์เดิมให้สามารถใช้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น

                2. สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้วัสดุต่างๆ ที่นำมาประกอบกันเป็นชิ้นงานสามารถที่จะใช้วัสดุอื่น
ทดแทนกันได้ และสามารถนำวัสดุที่มีในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

                3. ฝึกให้รู้จักการวางแผนทำงานอย่างเป็นระบบเป็นขั้นตอนการปฏิบัติเป็นการสร้างระเบียบ
วินัยให้ตนเองและมีนิสัยรักในสิ่งประดิษฐ์

                4. ให้นักเรียนรู้จักใช้และดูแลรักษาเครื่องมือในสิ่งประดิษฐ์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
กับประเภทของสิ่งประดิษฐ์

               5. ฝึกให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิและมีความสุขในการ
สร้างสรรค์ชิ้นงานประดิษฐ์ของตนเอง

              6. ฝึกให้นักเรียนรู้จักการประหยัดสามารถนำสิ่งของที่เหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์มาก
ที่สุดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนมากนัก

              7. เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นให้มีการสืบทอดและพัฒนาต่อไป จากภูมิ
ปัญญาเดิมสู่การเรียนรู้ที่เป็นองค์รวมและเป็นผลงานของคนไทย

              8. สามารถเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประดิษฐ์โดยการนำออกไปจำหน่ายในโอกาสต่างๆและสร้าง
เป็นอาชีพได้ในอนาคต

              9. เกิดความภาคภูมิใจในชิ้นงานของตนเองทำให้บุคคลยอมรับในความสามารถของตนเอง
ในระดับหนึ่งสะดวกสบายต่างๆ

หลักการออกแบบของสิ่งประดิษฐ์
              การประดิษฐ์ชิ้นงานจำเป็นต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ชิ้นงานเพื่อการใช้ประโยชน์ทางด้านร่างกายและด้านจิตใจคือประโยชน์ในการใช้สอยและความสวยงามด้านศิลปวัฒนธรรม แบบของงานประดิษฐ์เกิดจากการเลียนแบบธรรมชาติจินตนาการและความสะดวกในการใช้งานและมีการดัดแปลงรูปแบบให้เหมาะสมกับสมัยนิยม

ความหมายของการออกแบบ
             การออกแบบ หมายถึง การใช้ความคิดสร้างสรรค์ชิ้นงานให้สมบูรณ์และความสามารถนำความคิดขึ้นมาปฏิบัติเป็นชิ้นงานได้เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ทั้งด้านการใช้สอยและด้านศิลปะความสวยงามหรือจิตใจ
             การออกแบบ หมายถึง การรู้จักวางแผนจัดตั้งขั้นตอน และรู้จักเลือกใช้วัสดุวิธีการเพื่อทำตามที่ต้องการนั้น โดยให้สอดคล้องกับลักษณะรูปแบบและคุณสมบัติของวัสดุแต่ละชนิดตามความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา เช่น เราจะทำเก้าอี้นั่งซักตัวจะต้องวางแผนไว้เป็นขั้นตอนโดยต้องเริ่มเลือกวัสดุที่จะใช้ทำเก้าอี้นั้นจะใช้วัสดุอะไรที่เหมาะสม วิธีการต่อยึดนั้นควรใช้กาว ตะปูนอต หรือใช้ข้อต่อแบบใด คำนวณสัดส่วนการใช้งานให้เหมาะสม ความแข็งแรงของเก้าอี้นั่งมากน้อยเพียงใด สีสันควรใช้สีอะไรจึงจะสวยงาม และทนทานกับการใช้งาน เป็นต้น